สำหรับใครที่กำลังก้าวเข้าสู่การเป็น Freelance โดยเฉพาะในสายงานออกแบบแล้วละก็ เชื่อเลยว่าคงจะเคยเจอกับปัญหาการคิดค่าจ้างในงานออกแบบกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อมีลูกค้ารายแรก เพราะถ้าคิดแพงไปก็กลัวว่าจะไม่มีการจ้างเกิดขึ้น หรือถ้าถูกไปก็คงจะเหนื่อยแถมไม่คุ้มค่าจ้างอีก เอาเป็นว่าใครที่กำลังคิดไม่ตกอยู่ว่าจะคิดค่าจ้างงานออกแบบอย่างไร วันนี้เรามีคำแนะนำดีๆ มาฝากกัน
แน่นอนว่านักออกแบบโลโก้ หรือนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ก็ตาม คงจะต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบหลักในงานออกแบบกันอยู่แล้ว แถมยังพ่วงด้วยค่าอุปกรณ์ที่ใช้เช่น Pen Displays หรือ Tablet Styluses ก็ตาม ยังไม่ใช้แค่นั้น เพราะปัจจุบันเราต้องจ่ายค่าเช่า โปรแกรมสำหรับงานออกแบบอย่าง adobe ซึ่งมีทั้งแบบเช่ารายเดือนและซื้อสำเร็จรูป โดยทั้งหมดนี้เราก็ต้องเสียเงินเป็นการลงทุนทั้งนั้น (และเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูง) เพราะฉะนั้นแล้วในการคิดค่าบริการในงานออกแบบ เราก็ควรจะเอาต้นทุนเหล่านี้มาเป็นตัวคำนวณหาค่าบริการที่เหมาะสมด้วย
นอกจากค่าอุปกรณ์และซอฟแวร์แล้ว ในบางครั้งนักออกแบบโลโก้และนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ก็ยังต้องใช้พื้นที่ในการคิดงาน บางคนอาจทำงานที่บ้าน ซึ่งก็ต้องเสียค่าน้ำ-ค่าไฟมากขึ้น หรือบางคนอาจต้องใช้พื้นที่นอกบ้านอย่างร้านอาหารร้านกาแฟ เราก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก และเมื่อดูจากต้นทุนต่างๆ ที่ต้องเสียไปแล้ว ทีนี้เราต้องมาดูว่าต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ ถึงจะพอต่อค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเหล่านี้
โดยสิ่งแรกที่เราควรคำนึงถึงก็คือ เงินเดือนหลักๆ เช่นเด็กจบใหม่ เราอาจจะได้เงินเดือนเริ่มต้นที่ 15,000 เป็นต้น ฉะนั้นการออกมาเป็นฟรีแลนซ์สำหรับเด็กจบใหม่ก็ควรที่จะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ก็คือ 30,000 บาท หรือถ้ายากได้เงินเดือนอยู่ที่ 20,000 เราก็ควรจะต้องคำนวณให้ได้ 40,000 บาทต่อเดือน จึงจะเหมาะต่อการเป็นฟรีแลนซ์ในสายงานออกแบบจริงๆ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมที่จะทำการเซ้นสัญญาว่าจ้างกับลูกค้า รวมถึงเก็บค่ามัดจำกันก่อนเริ่มงานด้วย เพื่อความสบายของตัวเราเองและผู้ว่าจ้าง